อีเมล์ :
รหัสผ่าน :
ลืมรหัสผ่าน
ลงทะเบียน/เข้าสู่ระบบ
โหมดการเข้าถึงสำหรับผู้พิการ
ปรับขนาดตัวอักษร
ภาษา
อีเมล์ :
รหัสผ่าน :
ลืมรหัสผ่าน
 
สภาพทั่วไป
ที่ตั้งและขนาดพื้นที่
จังหวัดพิจิตร ตั้งอยู่ในเขตภาคเหนือตอนล่างของประเทศไทย มีพื้นที่ 4,531.013 ตารางกิโลเมตร หรือ ประมาณ 2,831,333 ไร่ มีแม่น้ําสายสําคัญไหลผ่าน 2 สาย ได้แก่ แม่น้ําน่าน และแม่น้ํายม อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ขึ้นมาทาง เหนือ ระยะทางประมาณ 347 กิโลเมตร

อาณาเขต
จังหวัดพิจิตร มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดใกล้เคียง ดังนี้
ด้านทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดพิษณุโลก
ด้านทิศตะวันออก ติดต่อกับ จังหวัดเพชรบูรณ์และจังหวัดพิษณุโลก
ด้านทิศใต้ ติดต่อกับ จังหวัดนครสวรรค์
ด้านทิศตะวันตก ติดต่อกับ จังหวัดกําแพงเพชร และจังหวัดนครสวรรค์
ขอบคุณภาพจาก : แผนที่ไทย.คอม
องค์การบริหารส่วนจังหวัดได้ถูกจัดตั้งขึ้นทุกจังหวัด เมื่อ พ.ศ. 2498 โดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนจังหวัด พ.ศ. 2498 เพื่อทำหน้าที่เป็นองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น ประกอบด้วย สภาจังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัด โดยสภาจังหวัดประกอบด้วยสภาที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ทำหน้าที่ทางนิติบัญญัติ กำหนดนโยบายการบริหาร และควบคุมฝ่ายบริหาร อันมีหัวหน้าฝ่ายบริหาร คือ ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารงาน ด้วยการนำมติหรือนโยบายของสภาจังหวัดไปพิจารณาดำเนินการ โดย มีพื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนจังหวัดได้แก่พื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ของเทศบาลและสุขาภิบาล
ต่อมาในปี พ.ศ. 2537 ได้มีพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 ซึ่งกำหนดให้สภาตำบลซึ่งเดิมเป็นพื้นที่ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด ที่มีรายได้เฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีตั้งแต่ 150,000 บาทขึ้นไป จัดตั้งเป็นองค์การ บริหารส่วนตำบล มีฐานะเป็นราชการส่วนท้องถิ่น และเป็นนิติบุคคล ทำให้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดไม่มีพื้นที่ในการดำเนินกิจการ สมควรปรับปรุงบทบาท และอำนาจหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดให้สอดคล้องกันและปรับปรุงโครง สร้างขององค์การบริหารส่วนจังหวัดให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ได้มีการตราพระราชบัญญัติ องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 โดยกำหนดให้พื้นที่จังหวัดเป็นพื้นที่ ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด ผู้บริหารสูงสุด คือ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด พิจิตรมาจากการเลือกตั้งของประชาชน โดยความเห็นชอบของสภาองค์การบริหารส่วน จังหวัด เป็นผู้ปกครองและบังคับบัญชาข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดและ ดำเนินกิจการส่วนจังหวัดควบคู่ไปกับสภาจังหวัด การบริหารงานขององค์การบริหาร ส่วนจังหวัดในปัจจุบันเป็นไปตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ.2540 ซึ่งมีการแก้ไขเพิ่มเติม 2 ครั้ง คือ ในปี พ.ศ. 2542 และ พ.ศ.2546 กำหนดให้มี หน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นรูปแบบหนึ่งเรียกว่า "องค์การบริหารส่วนจังหวัด" โดยอยู่ในทุกจังหวัด ๆ ละ 1 แห่ง รวม 76 แห่ง มีฐานะเป็นนิติบุคคลและมีพื้นที่ รับผิดชอบทั่วทั้งจังหวัด โดยทับซ้อนกับพื้นที่ของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นอื่น คือ เทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบลในจังหวัดนั้น ความเป็นนิติบุคคลก่อให้เกิด ความสามารถในการทำนิติกรรม ความเป็นหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นก่อให้ เกิดอำนาจหน้าที่และขอบเขตพื้นที่ในการใช้อำนาจหน้าที่นั้น
นอกจากนี้ กฎหมายยังได้กำหนดต่อไปอีกด้วยว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดสามารถ ทำหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประเภทอื่น ๆ ได้เช่นกัน หากองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น ๆ ร้องขอและได้รับความยินยอมจากองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นนั้น ข้อจำกัดขององค์การบริหารส่วนจังหวัดมิได้มีอยู่แต่ภายในเขตของ จังหวัดตนเท่านั้น หากองค์การบริหารส่วนจังหวัดใดได้รับการร้องขอและยินยอมจาก องค์การบริหารส่วนจังหวัดอื่น องค์การบริหารส่วนจังหวัดที่ได้รับการร้องขอและ ยินยอมก็สามารถดำเนินการกิจการที่ได้รับการร้องขอได้เช่นกัน
"พิจิตรเมืองน่าอยู่ คู่การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
มีการพัฒนาที่ยั่งยืน บนพื้นฐานแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง"
กำหนดพันธกิจเพื่อดำเนินการพัฒนา ไว้ดังนี้
  1. จัดทำแผนพัฒนาองค์การบริหารส่วนจังหวัด และประสานการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัด
  2. จัดให้มีและบำรุงรักษาทางบก ทางน้ำ และทางระบายน้ำ
  3. คุ้มครอง ดูแล และบำรุงรักษา ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
  4. ดุแลสถานีขนส่ง
  5. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาท้องถิ่น
  6. จัดให้มีระบบรักษาความปลอดภัยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและความสงบเรียบร้อยภายในท้องถิ่น
  7. ส่งเสริมและสนับสนุนการประกอบอาชีพและกระจายรายได้ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
  8. ส่งเสริมและแก้ไขปัญหาการประกอบอาชีพ
  9. ส่งเสริมและพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสม
  10. ส่งเสิรมการท่องเที่ยว
  11. ส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น
  12. การจัดการศึกษา
  13. กำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล
  14. การจัดการสิ่งแวดล้อมและมลพิษต่างๆ
  15. ส่งเสริมการกีฬา และนันทนาการ
  16. ส่งเสริมการสาธารณสุข และการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ
  17. สนับสนุนและประสานความร่วมมือในการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนทอ้งถิ่นอื่น
  18. จัดให้มีการสาธารณูปโภค สาธารณูปการ และสิ่งก่อสร้างอื่นๆ
  19. เสริมสร้างสังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้ ชุมชนเข้มแข็งเป็นสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดี
  20. ส่งเสริมและพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมและการสื่อสารประชาสัมพันธ์